สำหรับคนที่ยังไม่เคยเรียนสอนพูดอังกฤษตัวต่อตัวคงจะเกิดความสงสัยว่า การเรียนแบบนี้นั้นจะช่วยให้พูดภาษาอังกฤษเก่งขึ้นได้ใน 3 เดือนจริงหรือ? ระยะเวลาเท่านี้จะช่วยให้พูดภาษาอังกฤษเก่งขึ้นได้อย่างไร? การเรียนแบบตัวต่อตัวจึงเป็นอีกหนึ่งทางลัดที่จะช่วยให้คุณเข้าใจภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้นและสามารถพูดสนทนาโต้ตอบได้ ส่วนจะทำได้อย่างไรและมีเคล็ดลับอะไรบ้าง ไปดูกัน

การสอนพูดอังกฤษตัวต่อตัวให้อะไรกับเราได้บ้าง ช่วยให้เก่งขึ้นได้จริงหรือ?

  • ช่วยฝึกทักษะการพูด สิ่งสำคัญในการเรียนสอนพูดอังกฤษตัวต่อตัวเลยก็คือ การฝึกทักษะการพูด เพราะการเรียนแบบตัวต่อตัวมีบทสนทนาที่สามารถโต้ตอบได้ ช่วยให้ได้ฝึกพูดตลอดการเรียน
  • ช่วยฝึกทักษะการฟัง นอกจากการพูดแล้วการฟังก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เพราะการฟังจะช่วยให้เราเข้าใจบทสนทนาของผู้พูดและช่วยให้เราได้เรียนรู้การออกเสียงอย่างถูกวิธีเพื่อให้ออกเสียงได้อย่างถูกต้อง
  • ช่วยในการออกเสียงและตัวสะกด เมื่อเรียนรู้การฟังและพูดแล้วก็จะช่วยให้มีความเข้าใจในเรื่องการออกเสียงและตัวสะกดมากขึ้น สามารถออกเสียงตัวสะกดต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน และถูกหลักไวยากรณ์
  • ช่วยให้พูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้ เมื่อฟังและพูดได้ดีแล้วก็สามารถนำภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ อาจเริ่มจากการฝึกพูดด้วยประโยคง่าย ๆ ก่อน เมื่อพูดบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้เก่งขึ้นได้

เคล็ดลับในการเรียนแบบสอนพูดอังกฤษตัวต่อตัวที่จะช่วยพูดเก่งขึ้นได้ใน 3 เดือน!

  • ฝึกพูดตาม หลังการเรียนสอนพูดอังกฤษตัวต่อตัวแล้ว ควรทบทวนเนื้อหาและฝึกพูดตามอยู่เสมอ เพื่อช่วยในการออกเสียงและช่วยให้จำประโยคต่าง ๆ ได้ อาจฝึกจากการดูหนังที่เป็นภาษาอังกฤษก็ได้ โดยให้ฝึกพูดตามประโยคต่าง ๆ ในหนังโดยใช้วิธีการจำภาพสถานการณ์ที่ตัวละครพูด เพื่อให้คำพูดติดปากและสามารถเข้าใจความหมายได้
  • ฟังเยอะ ๆ การฟังเป็นสิ่งที่สำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะการฟังบ่อย ๆ จะช่วยให้สมองเราจดจำได้โดยอัตโนมัติ เช่น การฟังเพลงภาษาอังกฤษ ที่แม้จะไม่รู้ว่าความหมายแปลว่าอะไรแต่การฟังบ่อย ๆ ก็ช่วยให้ร้องตามได้ การเรียนภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน ควรฝึกฟังจากสื่อต่าง ๆ ที่ชอบบ่อย ๆ เพื่อให้สมองเกิดความเคยชิน
  • ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับตัวเอง สำหรับคนที่เรียนภาษาอังกฤษแล้วแต่ไม่รู้จะเอาไปพูดกับใครก็สามารถเริ่มพูดกับตัวเองได้ เช่น การทักทายตัวเองในตอนเช้า อย่าง “Good morning.” หรือจะเป็นการถาม – ตอบ เช่น

How are you?

I’m okay, thank you.

  • เปลี่ยนภาษารอบตัวให้เป็นภาษาอังกฤษ เช่น ภาษาที่ใช้ในสมาร์ตโฟน จากที่เคยใช้ภาษาไทยก็ลองเปลี่ยนมาใช้ภาษาอังกฤษเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย เมื่อได้เห็นคำศัพท์บ่อย ๆ ก็จะช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น
  • หาแรงบันดาลใจ ที่ชื่นชอบ เช่น นักแสดง นักร้อง ฯลฯ เพราะหลายคนอาจคิดว่าสิ่งนี้ไม่สำคัญแต่ความจริงแล้วเป็นสิ่งที่ช่วยได้มากเลยทีเดียว เพราะสิ่งที่เป็น Inspiration หรือแรงบันดาลใจนั้นจะช่วยให้เรามีความพยายามในการเรียนรู้มากขึ้น ทำให้เกิดการอยากรู้และต้องการหาคำตอบให้ได้นั่นเอง

                แม้ว่าระยะเวลา 3 เดือนจะดูเหมือนน้อย แต่หากได้เริ่มเรียนสอนพูดอังกฤษตัวต่อตัวและหมั่นฝึกฝนอยู่เสมอแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่คุณจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ในเวลาเพียง 3 เดือน เพียงเริ่มลงมือทำเท่านั้นเอง!